วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556


สายพันธุ์ปลาโลมา


ปลาโลมาหลังโหนก



 ปลาโลมาหลังโหนกนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับปลาโลมาปากขวดทั่วๆไป และยิ่งมีอายุมากขึ้นเท่าไรสีของมันก็จะจางลงไปเรี่อย ๆ โคนครีบหลังนั้นจะเป็นฐานกว้างโค้งลงด้านหลัง และในบางครั้งนั้นเราอาจพบว่าฐานครีบนั้นมีความกว้างถึงหนึ่งในสามของความยาวลำตัว ซึ่งในทะเลนั้นเราสามารถสังเกตเห็นปลาโลมาชนิดนี้ได้ซึ่งจะมีลำตัวที่บึกบึนกลมยาวสีทองขาวบนหลังครีบนั้นเป็นโหนก 


ปลาโลมาอิรวดี 




    ปลาโลมาอิรวดี นั้นมีลักษณะที่คล้ายกันกับ ปลาวาฬ Delphinapterus leucas ที่มีความสัมพันธ์แบบกล้ชิดกันกับปลาวาฬนักล่า Orcinus orca ซึ่งหัวของปลาโลมาอิรวดีนั้นจะมีลักษณะที่กว้าง ไม่มีรอยหยัก ครีบหน้านั้นจะเล็กส่วนครีบบนหลังนั้นจะเป็นรูปสามเหลี่ยมโค้งมน มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีสีเทาดำ ถึงสีเทาสว่าง ลำตัวมีความยาวประมาณ 275 เซนติเมตร แต่เฉลี่ยออกมาแล้วมีความยาว 210 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 115 – 130 กิโลกรัม

ปลาโลมาริซโซส์




   ปลาโลมาริซโซส์นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของตระกูล ซึ่งเมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาด ประมาณ 4 เมตร ทั้งเพศผู้และเพศเมีย ซึ่งร่างกายส่วนหน้านั้นจะมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก ครีบส่วนหน้าจะเป็นครีบที่มีความยาวที่สุดในทุกส่วนของร่างกายปลาโลมา ส่วนหัวนั้นจะมีรูปร่างแบบกระเปาะ และ มีรอยย่นในแนวตรงยาวของพื้นที่ส่วนหน้า สีจะเปลี่ยนไปตามอายุขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงอายุไม่มากจะมีสีเทาถึงน้ำตาล หลังจากนั้นก็จะมีสีดำ และเริ่มมีสีสว่างขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการเข้าสู่วัยเจริญเติบโต


ปลาโลมาปากขวด



    ปลาโลมาปากขวดนั้นได้มีการบันทึกไว้ว่าเป็นปลาโลมาที่มีลำตัวขนาดกลาง ร่างกายกำยำ มีครีบโค้งปานกลาง มีสีดำ เมื่อโตเต็มวัยจะมีความยาว 2- 3.8 เมตร มีน้ำหนัก 220 – 500 กิโลกรัม (เฉลี่ย 242 กิโลกรัม) แต่จะมีความแตกต่างกันในแต่ละลักษณะทางภูมิศาสตร์ ซึ่งขนาดของร่างกายจะมีความแปรผันเปลี่ยนแปลงที่ตรงกันข้ามกันกับอุณหภูมิของน้ำในแต่ละส่วนของโลมา

โลมาโชว์ โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี


โลมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกหนึ่ง อาศัยอยู่ทั้งในทะเลน้ำจืด และน้ำกร่อย มีรูปร่างคล้ายปลา คือ มีครีบ มีหาง แต่โลมามิใช่ปลา เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรก จัดอยู่ในอันดับวาฬและโลมา (Cetacea) ซึ่งประกอบไปด้วย วาฬและโลมา ซึ่งโลมาจะมีขนาดเล็กกว่าวาฬมาก และจัดอยู่ในกลุ่มวาฬมีฟัน (Odontoceti) เท่านั้น
โลมา เป็นสัตว์ที่รับรู้กันเป็นอย่างดีว่าเฉลียวฉลาด มีความเป็นมิตรกับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยชีวิตมนุษย์เมื่อยามเรือแตก จนกลายเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าขานทั่วไป มีอุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูง บางฝูงอาจมีจำนวนมากถึงหลักพันถึงหลายพันตัว ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว รวมถึงสามารถกระโดดหมุนตัวขึ้นเหนือน้ำได้ ชอบว่ายน้ำขนาบข้างหรือว่ายแข่งไปกับเรือ

คำว่า "Dolphin" ซึ่งเป็นชื่อสามัญในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกโลมา มาจากภาษากรีกโบราณคำว่า δελφίς "เดลฟิส" (Delphis) ในเทพปกรณัมกรีก ไดโอไนซัส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง และเป็นหนึ่งในเทพแห่งโอลิมปัส ได้แปลงกายลงมาเป็นมนุษย์ ชื่อ เดลฟิส และได้โดยสารเรือข้ามจากเกาะอิคาเรียไปยังเกาะนาซอส ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไดโอไนซัสนั้นแม้จะเป็นเทพ ทว่าไม่มีญาณหยั่งรู้ว่าเรือลำที่ตนโดยสารไปนั้นเป็นเรือโจร ลูกเรือจะปล้นผู้โดยสารทุกคนถ้วนหน้า เมื่อถึงคราวของเดลฟิส จึงถูกลูกเรือปล้น และคิดจะจับไปขายเป็นทาส ด้วยเหตุนี้ เดลฟิสจึงจำต้องแสดงตนว่าเป็นเทพเจ้า และสาปให้เรือมีเถาองุ่นขึ้นเต็ม มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกลูกเรือตกใจ จึงกระโดดน้ำหนีไปหมด และได้กลายร่างเป็นโลมา มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อกลายเป็นโลมา นิสัยของลูกเรือก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสัตว์ที่ใจดี มีเมตตา แถมยังเป็นผู้ช่วยของเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร คือ โปเซดอน อีกด้วย ด้วยเหตุนี้โลมาจึงได้รับเกียรติจากโปเซดอน บันดาลให้เป็น กลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า กลุ่มดาวโลมา (Delphinus) อีกด้วย




โลมา อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในมหาสมุทรโดยทั่วไป ลักษณะของโลมาที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ มีรูปร่างเพรีียวยาวคล้ายตอร์ปิโดหรือกระสวย ส่วนใหญ่มีปลายปากยื่นแหลม แต่ก็มีบางชนิดที่มีส่วนหัวกลมมนคล้ายแตงโมหรือบาตรพระ มีหางแบนในแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้งเหมือนปลา เพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำในแนวขึ้น-ลง ไม่มีขนปกคลุมลำตัว ไม่มีเกล็ด รวมทั้งไม่มีเมือกด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีมีอวัยวะต่าง ๆ ทุกส่วนเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป หากแต่ละส่วนของอวัยวะจะปรับเปลี่ยนต่างไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ดังนี้ จมูกของโลมามีไว้เพื่อหายใจ แต่จมูกนั้นต่างไปจากจมูกของสัตว์อื่น ๆ เพราะตั้งอยู่กลางกระหม่อมเป็นรูกลม เพื่อให้สะดวกต่อการเชิดหัวขึ้นหายใจเหนือน้ำ จากจมูกมีท่อหายใจต่อลงมาถึงปอดในตัว จึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำผ่านเหงือกเข้าไปในปอดเพื่อช่วยหายใจเหมือนปลาหรือสัตว์น้ำอย่างอื่น หูของโลมานั้นเป็นเพียงแค่รูขนาดเล็กติดอยู่ด้านข้างของหัวเท่านั้น มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถรับคลื่นเสียงใต้น้ำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะโลมาเหมือนวาฬตรงที่เป็นสัตว์ที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยคลื่นเสียงที่ปล่อยออกมา โดยเฉพาะกับภาษาที่โลมาสื่อสารกันด้วยเสียงที่มีคลื่นความถี่สูง โลมามีดวงตาไม่เล็กเหมือนอย่างวาฬ แววตาแจ่มใส เหมือนตาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น มีเปลือกตาปิดได้ และในเวลากลางคืนตาก็จะเป็นประกาย คล้ายตาแมว ตาของโลมาไม่มีเมือกหุ้มเหมือนตาปลา และมองเห็นได้ไกลถึง 50 ฟุต เมื่ออยู่ในอากาศ สีผิวของโลมาแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน ส่วนมากจะออกไปในโทนสีเทา ตั้งแต่เข้มเกือบดำ จนกระทั่งถึงเกือบขาว แต่โดยทั่วไปโลมาจะมีสีผิวแบบ 2 สีตัดกัน ด้านบน เป็นสีเทาเข็ม ด้านล่างเป็นสีเกือบขาว เพื่อพรางตัวในทะเล ไม่ให้ศัตรูเห็น เพราะเมื่อมองจากด้านบน สีเข็มจะกลืนกับสีน้ำทะเล และถ้ามองจากด้านล่างขึ้นไป สีขาวก็จะกลืนเข้ากับแสงแดดเหนือผิวน้ำ
โลมาถือเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว มีอัตราความเร็วในการว่ายน้ำประมาณ 55-58 กิโลเมตร/ชั่วโมง

  

โลมานั้นเป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาดมาก เชื่อว่า ความฉลาดของโลมานั้นเทียบเท่าเด็กตัวเล็ก ๆ เลยทีเดียว หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะฉลาดกว่าชิมแปนซี ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโลมามีขนาดของสมองเมื่อเทียบกับลำตัวแล้วนับว่าใหญ่มาก แถมภายในสมองยังซับซ้อนอีกด้วย โดยเฉพาะโลมาปากขวดนั้นถึงกับมีขนาดของสมอง เมื่อเทียบกับลำตัวใหญ่แล้ว ถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดสมองใหญ่เป็นที่สองรองจากมนุษย์ และสมองส่วนซีรีบรัม อันเป็นส่วนของความจำและการเรียนรู้ ก็มีขนาดใหญ่มาก เป็นศูนย์รวมของประสาทการรับกลิ่น, การมองเห็น และการได้ยิน จนอาจเชื่อได้ว่าแท้จริงแล้ว โลมาอาจมีความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ก็เป็นได้ ซึ่งจากความฉลาดแสนรู้ของโลมา จึงทำให้เป็นที่นิยมนำมาฝึกแสดงโชว์ต่าง ๆ ตามสวนสัตว์และสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ 


นอกจากนี้แล้ว โลมายังเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมชอบช่วยเหลือมนุษย์ยามเมื่อเรือแตกหรือใกล้จะจมน้ำ ทั้งนี้เพราะโลมาเป็นสัตว์ที่รักสนุกและขี้เล่น ที่โลมาช่วยชีวิตมนุษย์อาจเป็นเพราะต้องการเข้ามาเล่นสนุกเท่านั้น หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่มักจะดุนลูกขึ้นไปหายใจบนผิวน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะถ้าลูกโลมาเสียชีวิตระหว่างคลอด จะพบว่าแม่โลมาจะพยายามดุนศพลูกเอาไว้ให้ใกล้ผิวน้ำมากที่สุด โดยปกติแล้ว เนื้อโลมาไม่ใช่อาหารหลักเหมือนสัตว์เศรษฐกิจทั่วไป แต่ก็มีบางประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นนิยมบริโภคเนื้อโลมาและวาฬ เดิมญี่ปุ่นนั้นล่าวาฬเป็นหลัก แต่ต่อมาได้มีการอนุรักษ์และกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น จึงหันมาล่าโลมาแทน โดยเพิ่มปริมาณการล่าโลมาขึ้นเป็นสี่เท่า ทำให้โลมาในทะเลญี่ปุ่นลดน้อยลงเป็นอันมาก